หน้าเว็บ

5 ก.ย. 2554

นศ.หวั่นนโยบายป.ตรี 15,000 ทำหางานยาก




เทพโพล เผยผลสำรวจ น.ศ. ส่วนใหญ่ เห็นด้วยนโยบายรัฐ ป.ตรี เงินเดือน 15,000 บาท แต่ร้อยละ 69.4 เห็นว่าหากนโยบายดังกล่าวมีผลจะทำให้หางานยากและร้อยละ 41.9 ไม่มั่นใจว่ารัฐจะผลักดันนโยบายนี้สำเร็จ

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) ได้เปิดเผยผลสำรวจในหัวข้อเรื่อง "น.ศ. ปี 4 กับเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท" จากนิสิต นักศึกษา ชั้นปีสุดท้ายที่เรียนอยู่ในสถาบันอุดมศึกษาทั้งรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 1,185 คน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.6 อยากทำงานในหน่วยงานเอกชน, ร้อยละ 25.7 ประกอบธุรกิจส่วนตัว, ร้อยละ18.2 หน่วยงานราชการ และ ร้อยละ 16.5 รัฐวิสาหกิจ

ทั้งนี้ จากการที่นโยบายของรัฐบาลพยายามผลักดัน ผู้จบปริญญาตรีได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท พบว่าร้อยละ 41.9 ไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาลว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ ร้อยละ 19.5 เชื่อว่าทำได้ และ ร้อยละ 28.6 เชื่อว่าทำไม่ได้

อย่างไรก็ตาม จากนโยบายดังกล่าวนักศึกษาส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.7 เห็นด้วยกับแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินนโยบายดังกล่าว แต่ร้อยละ 69.4 เห็นว่า หากนโยบายข้างต้นมีผลบังคับใช้จริงจะส่งผลกระทบต่อการหางาน เมื่อจบการศึกษา

ขณะที่ร้อยละ 30.6 ระบุว่าไม่ส่งผลกระทบ รวมถึงร้อยละ 30.0 กังวลว่า บริษัทเอกชนจะเปิดรับผู้ที่จบปริญญาตรีเข้าทำงานลดลง ร้อยละ 18.5 กลัวจะถูกเลิกจ้างหลังทำงานไปได้ระยะหนึ่งเพราะหน่วยงานแบกรับภาระเรื่องค่าจ้างไม่ไหว และ 17.9 กลัวจะไม่มีงานทำและว่างงาน


http://news.sanook.com/1053201-นศ.หวั่นนโยบายป.ตรี-15000-ทำหางานยาก.html

‘เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน’




น่าจะเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ “แฟนบอล” พูดถึง “บอลไทย” มากที่สุด

หลังจากฟอร์มการเล่นที่เกินคาดจากการบุกไปแพ้ ออสเตรเลีย แบบได้ลุ้น 1-2 ที่เสียประตูตัดสินเกมในช่วงท้ายปลายเกม

ทำให้จิตใจคอบอลไทยเริ่มพองโต และเริ่มจะ “มีหวัง” ในการทำงานของ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนี และชาวคณะ ว่าจะทำให้บอลไทยไปได้ไกลกว่าที่คิด

ความหวังจึงมาอยู่ที่วันอังคารนี้ กับ โอมาน อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ยังข้องใจว่า ทำไมต้องโอมานอีกแล้ว!

เมื่อ 3 ปีก่อน ทีมชาติไทย ออกสตาร์ตด้วยการบุกไปแพ้ ญี่ปุ่น 1-4 แต่เรียกความสะใจได้อย่างมาก หลังจากเราสามารถตีเสมอได้สำเร็จ จากการสับไกแบบสุดยอดของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย

ก่อนจะกลับมาเตะที่บ้านด้วยความหวังกับ โอมาน!

ครั้งนั้นถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งเหมือนกันที่มีการรวมตัวของแฟนฟุตบอลอย่างเป็นทางการ มีการจัดทำโครงการเป็นอย่างรูปธรรม

จากการจับมือกันของ บริษัท โซดาไฟ จำกัด โดย คุณมนตรี สุนทรประเวส และ กลุ่มเชียร์ไทย โดยคุณพินิจ งามพริ้ง ร่วมกันจัดงาน เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน

โชคดีอีกครั้งในชีวิตที่ “พี่ตรี” ที่เคยมีโครงการจะนำผมไปจัดรายการ ได้เลือกให้ผมไปเป็นพิธีกรในกิจกรรมนี้ทุกครั้ง ถือเป็นประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต

ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่าว่า “พี่ตรี โซดาไฟ” จะเป็นเพื่อนกับ “พี่ปุ๊ กว่างโจว” แฟนรายการพันธุ์แท้ของผมอีกต่างหาก โดยเพิ่งทราบเรื่องนี้เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ระหว่างงานเลี้ยงต้อนรับ “พี่ปุ๊” กลับเมืองไทย ที่ร้านลาบน้ำตก พระราม 3 !!!!!

โลกนี้มันกลมจริง ๆ ครับพี่น้อง

ตัดกลับมาที่ งานเชียร์ไทยทั้งแผ่นดินครั้งที่ 1 ด้วยการรวมตัวแฟนบอลผู้รักชาติกว่า 1,000 คน ร่วมกันชมเกมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก นัดที่ไทยบุกแพ้ญี่ปุ่น 1-4 เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ ปี 2008 ที่ลานกิจกรรม ตะวันนา สแควร์

ครั้งนั้นมีคอนเซปต์ที่ว่า "ตายไม่ตายกูไม่รู้แต่จะสู้เพื่อเมืองไทย"

ครั้งนั้นยิ่งมืดคนยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทุกคนนั้นรับได้กับความพ่ายแพ้ ในฐานะพิธีกรต้องบิวต์อารมณ์ทุกท่านแบบสุดขั้ว ก่อนจะเอาตัวรอดมาได้

จากนั้นในครั้งที่ 2 ได้จัดกิจกรรมที่ชื่อว่า "พลิกฟื้นด้วยใจ บอลไทยยังไม่ตาย" ก่อนเกมที่จะดวลกับ โอมาน

ครั้งนี้จัดขึ้นใหญ่ขึ้น มีการแถลงข่าวกึ่งเสวนาในหัวข้อ "พลิกฟื้นด้วยใจ บอลไทยยังไม่ตาย" ในวันที่ 19 มีนาคม ที่ใต้ถุนอัฒจันทร์ฝั่งมีหลังคา สนามศุภชลาศัย

พร้อมกับมีการเชิญบุคคลในวงการมาสัมภาษณ์กันอย่างมากมาย นำโดย “มร.โอเค” คุณองอาจ ก่อสินค้า เลขาฯสมาคมฟุตบอลฯ

รวมถึงมีแฟนฟุตบอลตัวแทนจากเชียร์ไทย กว่าครึ่งร้อย ออกรณรงค์ตามแหล่งชุมชนชั้นนำ อาทิ สยามสแควร์, มาบุญครอง, จตุจักร และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อกระตุ้นพร้อมประชาสัมพันธ์ให้แฟนบอลชาวไทยร่วมเข้าไปให้กำลังใจนักเตะไทย

จนมาถึงวันแข่งขันจริง ในวันที่ 26 มีนาคม ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ได้มีการจัดกิจกรรมหน้าสนาม ณ เวทีเชียร์ไทย พร้อมกับมีการแพลนเอาไว้แล้วว่า จะพูดคุยกันทั้งก่อนและหลังเกม

ก่อนเกมนั้นไม่มีปัญหาอะไร ได้คุยกับอดีตนักเตะทีมชาติไทย คุณเฉลิมวุฒิ สง่าพล และ คุณวีรยุทธ สวัสดี พร้อมกับมีการบันทึกเทปรายการไปออนแอร์ทางช่อง 11 ในรายการ “เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน” ในคืนวันเดียวกันนั้นอีกด้วย

ปัญหามันก็คือ ผลที่ออกมาคือการพ่ายแพ้ของทีมชาติไทย ที่เสียประตูตั้งแต่นาทีแรกของเกม ทำให้โอกาสเข้ารอบมืดมนตั้งแต่สองเกมแรก

ยังจำได้ว่า แฟนบอลที่ออกมาทั้งผิดหวัง และเสียใจกันสุด ๆ ก่อนจะมาเฝ้ารอนักเตะที่จะออกมาให้สัมภาษณ์ที่เวทีเชียร์ไทย ตามหมายกำหนดการเดิม ซึ่งตอนนั้น ผมกับ “พี่หนุ่ย-เฉลิมวุฒิ” ที่จะต้องดำเนินการสัมภาษณ์นั้น เครียดกันไปหมด

เรารอกว่า 1 ชั่วโมง ช่วยบิวต์ทอนกระแสความแรงของแฟนบอลให้ค่อยลดลง...ลดลง...แล้วก็ลดลงเรื่อยๆ กระทั่ง คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ผู้จัดการทีมในตอนนั้น นำนักเตะทั้งหมดออกมาเพื่อพูดคุยกับแฟนฟุตบอล ก่อนจะได้รับเสียงปรบมือดังสนั่น

ไม่มีเสียงโห่หรือภาพความช้ำใจแบบช่วงแรกอีกแล้ว

เป็นภาพที่ประทับใจมิรู้ลืม...

วันนี้ไม่ได้มีการทำโครงการแบบนั้นอีก แต่เป็นสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยจะต้องทำกันต่อ นั่นก็คือไปร่วมใจเชียร์กันที่สนาม ด้วยจุดประสงค์เดียวกันนั่นคือ หนุนหลังทีมชาติไทย และหวังใจว่าสุดท้ายผลลัพธ์ที่ออกมา


http://sport.sanook.com/เชียร์ไทยทั้งแผ่นดิน-1053158.html

ตีแผ่ นรกบนดิน ของสตรีอิหร่าน ผ่านหนังฉาวโลก....





แผ่ "นรกบนดิน" ชะตากรรมอันน่าสลดของ "สตรีอิหร่าน"
ฉาวไปทั่วโลก ใน Women without Men


เกิดกระแสอื้อฉาวไปทั่วโลก เมื่อภาพยนตร์เรื่อง Women without Men โดยผู้กำกับ-ศิลปินหญิงชาวอิหร่าน ชิริน เนชาท ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมกับเสียงชื่นชมอย่างหนาหูจากนักวิจารณ์ และคณะกรรมการ โดยผู้กำกับชื่อดังอย่าง อังลี กล่าวว่า "หนังเรื่องนี้ได้ใจผมไปเต็มๆ"

แต่ที่บอกว่าเป็น "ความอื้อฉาว" ก็เนื่องมาจาก Women without Men นั้นดัดแปลงมาจากนิยายที่โดนแบนในอิหร่านของนักเขียนสตรี ชาร์นุช ปาร์สิปูร์ กลายเป็นหนังสือต้องห้ามที่ใครมีไว้ครอบครอง จะต้องโดนจับเข้าคุกได้ง่ายๆ และยิ่งไปกว่านั้น ตัวผู้กำกับ ชิริน เนชาท เองก็เป็นศิลปินที่เคยสร้างผลงานท้าทายอำนาจรัฐมาก่อนหน้านี้แล้ว จนมีคำสั่งถูกห้ามเข้าประเทศอิหร่านไม่ว่าในกรณีในก็ตาม จนเธอต้องย้ายไปตั้งรกรากที่นิวยอร์กแทน

โดยเนื้อหาแล้ว Women without Men จะเล่าเรื่องของชีวิตสตรี 4 คน ในช่วงการรัฐประหารปี 1953 ณ กรุงเตหะราน และเพราะความวุ่นวายทางการเมือง ชะตากรรมของตัวละครเอกทุกคน ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย หนังจะแจกแจงให้เห็นอย่างละเอียดว่า ผู้หญิง (4 คน 4 สถานะและชนชั้น) ต้องประสบกับอุปสรรคอันใดบ้างจากน้ำมือของผู้ชายรอบๆ ตัวเธอ

ชิริน เนชาท ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินวิช่วลอาร์ต ที่หัวก้าวหน้ามากคนหนึ่งในโลกศิลปะสมัยใหม่ และงานทุกชิ้นของเธอยังเกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมือง ศาสนาและเพศ อย่างตรงไปตรงมา นำเสนอด้วยภาพอันวิจิตรบรรจงต่อสายตา

Women without Men คือการนำคนดูไปชมเนื้อหาอันหนักอึ้ง ด้วยภาพที่ถูกจัดวางจนไม่อยากกะพริบตา มันเป็นการเล่นสนุกทางเทคนิคภาพยนตร์ที่ท้าทายอารมณ์ผู้ชมเป็นอย่างมาก

หลังจากกวาดรางวัลและคำชมมาจากเทศกาลหนังเมืองเวนิซ Women without Men ก็ตระเวณไปสร้างเสียงฮือฮามาแล้วทั่วโลก เป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ในการรับรู้ให้กับผู้ชมว่า หนังอิหร่านไม่ใช่มีเพียงแค่หนัง realist แบบจาฟาร์ ปานาฮี เพียงเท่านั้น

ต้องย้ำว่าห้ามพลาด สำหรับโปรแกรม Women without Men ที่โรงภาพยนตร์เฮ้าส์ อาร์ซีเอ อยากชักชวนให้มาดูและรับรู้ภาพอันน่าตื่นตะลึงโดยถ้วนหน้า


http://movie.sanook.com/news/news_19304.php

สาวพัทยาเด็ด! รุมกระทืบฝรั่งน่วม





สำนักข่าวต่างประเทศ เผยแพร่คลิปวีดีโอสาวไทยใจเด็ด รุมยำนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา โดยคาดว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่พัทยา ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากนักท่องเที่ยวรายนี้เข้าไปลวนลามสาวไทยที่ทำงานเป็นพนักงานนวดแผนไทย โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสาวขายบริการ จนเกิดการทะเลาะวิวาทกัน ทั้งนี้ใต้คลิปข่าวดัวกล่าวมีทั้งข้อความเห็นด้วยที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติควรโดนเช่นนี้ และกล่าวว่าหญิงไทยกลุ่มดังกล่าวทำรุนแรงเกินไป



http://news.sanook.com/1053185-สาวพัทยาแสบ-รุมกระทืบฝรั่งน่วม.html

นักท่องเที่ยวจมทะเลดอนหอยหลอดดับ 3 ศพ





สลด! นักท่องเที่ยว 3 ราย จมน้ำทะเลดอนหอยหลอดดับ เหตุน้ำทะเลขึ้นเร็ว หนีไม่ทัน

เมื่อวันที่ 5 กันยายน มีรายงานข่าวแจ้งว่า นักท่องเที่ยวเคราะห์ร้าย 3 ราย ถูกน้ำทะเลที่ดอนหอยหลอด จ.สมุทรสงคราม พัดจมจนเสียชีวิต โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเย็นวานนี้ ( 4 ก.ย.) ทราบชื่อผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ นายสมหมาย สมุทรเฉด อายุ 30 ปี, น.ส.มาลินี อินทนนท์ อายุ 24 ปี และ น.ส.กิ่งฟ้า อินทนนท์ อายุ 17 ปี ทั้งหมดเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ถูกน้ำซัดหายไปขณะกำลังเล่นน้ำอยู่กับเพื่อนรวม 7 คน บริเวณทะเลดอนหอยหลอด หมู่ 4 ต.บางจะเกร็ง อ.เมืองสมุทรสงคราม

จากการสอบสวนพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุทั้งหมดได้เดินเล่นบนดอน ซึ่งขณะนั้นอยู่ในช่วงน้ำลง แต่ต่อมาน้ำทะเลเริ่มหนุนสูงขึ้น ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน เดินขึ้นมาไม่ทัน เนื่องจากน้ำทะเลขึ้นเร็วมาก ทั้งยังมีร่องน้ำให้เรือประมงพื้นบ้านที่ไปหยอดหอยหลอดและเรือรับจ้างพานักท่องเที่ยววิ่งผ่านขวางอยู่ จึงทำให้ทั้ง 3 คนไม่สามารถเดินข้ามร่องน้ำกลับเข้าฝั่งได้ นอกจากนี้ บริเวณดังกล่าวอยู่ด้านข้างของดอนหอยหลอด ด้านปากอ่าวแม่กลอง ซึ่งเป็นจุดอับ จึงทำให้นักท่องเที่ยวผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 3 คนจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว



http://hilight.kapook.com/view/62483

เมี่ยง ลาวงการ เป็นแอร์ฯ เลื่อนแต่งนักบินต้นปีหน้า




ออกอาการดี๊ด๊า เมี่ยง อติมา ธนเสนีวัฒน์ เพราะได้ฤกษ์แต่งงานกับแฟนหนุ่มนักบิน พ็อค อำมฤต สันตกุล แน่นอนแล้ว หลังทั้งคู่แอบหมั้นเงียบไปเมื่อหลายเดือนก่อน แจงเหตุต้องเลื่อนงานแต่งไปเป็นต้นปีหน้า เนื่องจากติดงานไว้ทุกข์พระศพเจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ไม่เหมาะสมจัดงานรื่นเริง งานนี้เรียกว่าดวงความรักก็พุ่งปรี๊ด นอกจากนั้น สาวเมี่ยง ได้แย้มว่าใกล้จะได้เป็นแอร์โฮสเตสสมใจแล้ว

"ตอนนี้ก็เริ่มสอบแอร์โฮสเตส เหลือแค่ขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ คือรอเทรนเสร็จแล้วก็บินเลย ก็เป็นอาชีพที่ใฝ่ฝันเหมือนกันค่ะ ก็ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองทำดู (อย่างนี้ก็จะมีเวลาทำงานในวงการน้อย?) ก็อาจจะน้อยลง อย่างที่บอกว่าเมี่ยงอยู่ตรงนี้มาสิบปีแล้ว คือพี่ยุ้ยอาจจะมาเปิดโรงเรียนสอนการแสดงด้านหน้า แล้วเมี่ยงอาจจะอยู่ด้านหลัง คือไม่ได้ค่อยมาอยู่ด้านหน้ากับพี่ยุ้ยแล้วตอนนี้ พอเวลาเราแต่งงานไปก็อยากมีครอบครัว อยากทำงานประจำค่ะ วงการก็ไม่ได้ทิ้งอาจจะมีให้เห็นบ้าง แต่อาจจะนานๆ ทีค่ะ"


ส่วนเรื่องงานแต่งอยู่ในขั้นตอนการเตรียมงาน "สถานที่ได้แล้ว ฤกษ์คงต้องเลื่อนไปเป็นปีหน้าค่ะ เพราะว่าติดงานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อยู่ในช่วงไว้ทุกข์อยู่ค่ะ คิดว่าควรงดงานรื่นเริงก่อนค่ะ คิดว่าปีหน้าน่าจะประมาณต้นปีไม่มกราคมก็คงกุมภาพันธ์ค่ะ แล้วเดี๋ยวจะบอกพี่ๆ อีกทีหนึ่งว่าวันไหน แต่ว่าสถานที่ได้แล้วค่ะ เป็นอาคารแปดสิบปี กองทัพอากาศ (ตื่นเต้นไหม?) ตอนแรก ๆ ตื่นเต้นค่ะ อีกไม่กี่เดือน แต่พอเลื่อนไปหน่อยก็โอเคมีเวลาเตรียมงาน เตรียมของขวัญและอะไรหลายๆ อย่าง จริงๆ แล้ว"

"งานเมี่ยงก็ไม่ได้มีอะไรหรูหรามากมาย ก็ไม่ได้มีอะไรแบบว่าอลังการมาก ก็จัดเรียบง่ายมีธีมงานที่ฟังดูอาจจะอลังการแต่ก็ไม่ได้อลังการมากหรอก ก็ให้มันดูเป็นเจ้าหญิงเพื่อนๆ แฟนเขาแต่งชุดเป็นเครื่องแบบกัน ก็เลยให้แบบเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายคู่กันแล้วกัน แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายค่ะ ก็ประหยัดๆ ค่ะ อยากให้มีเพื่อน ๆ มีคนที่เรารักมาร่วมแสดงความยินดีด้วยมากกว่าค่ะ"



http://news.sanook.com/1053009-เมี่ยง-ลาวงการ-เป็นแอร์ฯ-เลื่อนแต่งนักบินต้นปีหน้า.html

มะเร็งคร่าชีวิต “กุ้งนาง ปัทมสูต“




หลังป่วยด้วยโรคมะเร็งมานานกว่า 1 ปี ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าอดีตนักแสดงชื่อดัง “กุ้งนาง ปัทมสูต” วัย 41 ปี เสียชีวิตอย่างสงบแล้ว เมื่อเวลา 09.50 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ญาติได้นำศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่ศาลา 5 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยกำหนดให้มีพิธีรดน้ำศพวันพรุ่งนี้ (6 ก.ย. 2554) เวลา 16.00 น.

กุ้งนาง ปัทมสูต เป็นลูกสาว สุประวัติ ปัทมสูต มีพี่น้อง 2 คน คือ ก้ามปู ปัทมสูต และ กษาปณ์ ปัทมสูต ส่วนกุ้งนางเป็นลูกคนที่ 2 ของครอบครัว

ผลงานต่าง ๆ ที่ผ่านมา ย้อนไปเมื่อประมาณ 15 ปีกว่าเธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงและนักร้อง ก่อนจะหายหน้าไปจากวงการบันเิทิงหลังจากเธอป่วยด้วยโรคมะเร็งและพยายามต่อสู้กับโรคร้ายจนกระทั่งหายป่วย ต่อจากนั้นกุ้งนางได้จับปากกาถ่ายทอดเรื่องราวอาการป่วยมะเร็งของตนเองผ่านนิตยสาร เรื่องผู้หญิง Woman's story ชื่อเรื่อง "ลาจาก..โรคมะเร็งร้าย"



http://news.sanook.com/1052989-มะเร็งคร่าชีวิต-กุ้งนาง-ปัทมสูต.html